"Search Engine Optimization Process"
Search Engine Optimization Process มี 10 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 : การวิเคราะห์เบื้องต้น <Initial Analysis>
กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine Optimization process) เริ่มต้นด้วยการดำเนินการวิเคราะห์เว็บไซต์ในสภาพปัจจุบัน โดยทำการประเมินผลและตรวจสอบตำแหน่งของเว็บไซต์ เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนกลยุทธ์ นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine Optimization) ให้สามารถทำงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ ให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับต้นๆ
โดยให้ทำการการวิเคราะห์เบื้องต้น ดังนี้
-ประเมินผลทางเทคนิคของเว็บไซต์ถึงจุดที่แข็งแกร่งและอ่อนแอของเว็บไซต์
-การวิเคราะห์การจัดทำดัชนีของหน้าเว็บ
-การวิเคราะห์การจัดอันดับของเว็บไซต์ในปัจจุบันจากเครื่องมือค้นหาต่างๆ
-การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีการป้องกันเว็บไซต์ให้ได้รับการค้นหาในอันดับที่ดี
-คำหลักที่ใช้ในการค้นหาเว็บไซต์
-การวิเคราะห์ความเข้ากันได้ของเครื่องมือค้นหากับเว็บไซต์การวิเคราะห์โครงสร้างของเว็บไซต์
ขั้นตอนที่ 2 : การวิจัยและวิเคราะห์คำหลัก (Keyword Research and Analysis)
การวิจัยและวิเคราะห์คำหลัก (Keyword) เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine Optimization process) โดยให้ทำการคัดเลือกคำหลักหรือวลีที่เหมาะสม ที่ผู้ใช้งานอาจเลือกใช้ในการค้นหาจากเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีการวิจัยและวิเคราะห์คำหลักหรือวลีที่ผู้ใช้งานอาจพิมพ์ไม่ถูกต้อง เพื่อให้คำหลักนั้นสามารถนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลของเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine ) แล้วระบุไปยังข้อมูลเป้าหมายได้ ซึ่งจากการวิจัยและวิเคราะห์คำหลัก แล้วทำการคัดเลือกคำหลักที่เหมาะสมนั้น ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อเว็บไซต์ ทั้งในการช่วยลดต้นทุน การเติบโตทางการตลาด และการประสบความสำเร็จในระยะยาว
โดยการวิเคราะห์นี้ประกอบด้วย
-แนะนำคำ
-การวิจัยเอกสารคำค้นหารายเดือน
-ประสิทธิภาพดัชนีของคำหลัก
-การจัดลำดับของคำหลักในปัจจุบัน
-อัตราผลตอบแทนจากคำหลักแต่ละคำ
ขั้นตอนที่ 3 : การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis)
วิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่ง ดูที่การเชื่อมโยงในเว็บไซต์ของคู่แข่ง จะช่วยให้สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้ดี เป็นวิธีการสร้างข้อได้เปรียบไดประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 4 : แผนผังและการรวมตัวดึงข้อมูล (แผนผัง + รวมฟีด RSS)
"แผนผังเว็บไซต์"
>>ซึ่งแผนผังจะเป็นเหมือน "สารบัญ" หรือ "หน้าดัชนี" ของเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงรวม กลไกค้นหา (เช่น Google, Bring, Yahoo) และผู้ใช้งานทั่วไปด้วยอีกด้วย
ซึ่งการสร้างปฏิสัมพันธ์ของแผนผังสำหรับ Search Engine นั้นเพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายและเข้ามาเก็บข้อมูลการเชื่อมโยงตามที่จัดทำไว้ให้โดยข้อดีของการทำคือแผนผัง
ทำให้ผู้ชมเว็บไซต์เข้าใจโครงสร้างเว็บ และเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
แผนผังเว็บไซต์ และเห็นภาพรวมเชื่อมโยงของในเว็บไซต์ทำให้ง่ายต่อการพัฒนาเนื่องจากแผนผังจะแบ่งส่วนของเว็บไซต์ไว้อย่างชัดเจน
Bot ทำให้ของ Search Engine ที่เข้ามาเก็บข้อมูล (หน้าดัชนี) ได้รวดเร็วและง่ายขึ้น
เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO (Search Engine Optimization)
"ประเภทของ แผนผัง"
การทำเว็บไซต์ที่ดีควรมีแผนผังทั้ง 2 รูปแบบคือ
แผนผังเพื่อให้เครื่องมือค้นหาอ่าน
แผนผังเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปอ่าน
เครื่องมือค้นหาจะต้องทำให้แผนผังนั้นอยู่ในรูปแบบของภาษา XML ซึ่งจะทำให้หรือ Bot แมงมุมของ Search Engine ที่สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ว่านี้คือแผนผังตัวอย่างแผนผังของในรูปแบบ XML เช่น
http://www.sutenm.com/sitemap.xml
http://seo.siamsupport.com/sitemap.xml
แผนผังส่วน โดยควรให้เว็บไซต์ดูเรียบง่ายสวยงาม แผนผังเว็บไซต์นี้ได้โดยง่ายตัวอย่างเช่น
http://www.sutenm.com/sitemap-page/
http://www.google.com/sitemap.html
"RSS Feed"
>>
ปัจจุบัน RSS และมีการแข่งขันกันสูงโดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแชร์ข้อมูลเช่นเว็บไซต์ข่าวเว็บบล็อก เพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสนรวมถึงสามารถสืบค้นข้อมูลได้
RSS ย่อมาจาก จาก Really Simple Syndication คือบริการที่อยู่บนระบบอินเตอร์เน็ทจัดทำข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปแบบ XML เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้โดยส่งข่าวหรือข้อมูลใหม่ ๆ ให้ถึงเครื่องตลอดเวลาที่มีการไม่ปรับปรุง ต้องเสียเวลาเปิดเว็บไซต์เข้ามาค้นหา
ข้อดีของ RSS
RSS ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อต้องการเพิ่มข่าวโดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ
"จุดเด่นของ RSS"
คือ เพื่อดูว่ามีข้อมูลอัพเดทใหม่หรือไม่ ไม่เท่ากัน ไม่ครบถ้วนรูปแบบ RSS
(ค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกกระบวนการ) ในขั้นตอนนี้ (Search Engine) ได้อย่างรวดเร็ว
"Search Engine "
เครื่องมือค้นหาคือ ด้วยคำค้นต่างๆซึ่งข้อมูลนั้นอาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ไฟล์เอกสารไฟล์รูปภาพสื่อมัลติมีเดียไฟล์บีบอัดและรูปแบบอื่น ๆ ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Search Engine ที่มีดังนี้
http://www.google.com
http://www.yahoo.com
http://www.live.com
http://www.bing.com
http://www.ask.com
"กระบวนการทำงานของ Search Engine"
>>โดยปกติแล้ว Search Engine จะมีเครื่องมือที่ชื่อว่าหุ่นยนต์ (หุ่นยนต์) ในการสืบค้นเว็บไซต์ต่าง ๆ ดัชนีโดยหุ่นยนต์จะเดินทางจากเว็บหนึ่งไปอีกเว็บหนึ่งเชื่อมโยงหลายมิติผ่านที่มีอยู่ในเว็บไซต์นั้น ๆ
การเรียงลำดับการค้นหาข้อมูล
เครื่องมือค้นหา ซึ่งโดยปกติแล้ว และมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเช่นประเทศภาษาขนาดของไฟล์จำนวนผู้เข้าชมความถี่ในการอัพเดทข้อมูลจำนวนลิงค์เป็นต้น]
"ไดเรกทอรี"
>>ไดเรกทอรีบางทีเรียกลิงค์ว่าคือ ๆ ได้ด้วยเว็บที่ถูกบันทึกในแต่ละกลุ่ม ไดเรกทอรีเว็บบางแห่งทำหน้าที่ค้นหาเป็นในตัวเองด้วย
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Web Directory มีดังนี้-
http://www.dmoz.org/
http://www.directory-index.net/
........ถ้ามีผู้สนใจคลิกเลือกรายงานต่างๆไดเรกทอรีในที่จัดสร้างขึ้นจะมีการนำข้อมูลออกมาแสดงผลตัวอย่างเช่น sanook.com, siamguru.com เป็นต้น
ดังนั้น (Search Engine) ซึ่งมีมากกว่า 500 เครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) นอกจากนี้การจัดทำทำเนียบ ง่ายต่อการค้นหาและยังส่งผลดี (ค้นหา และการไดเรกทอรีจัดยังสามารถทำหน้าที่ค้นหาเป็นในตัวเองอีกด้วย
"หนังสือสังคมเครื่องหมาย"
หนังสือสังคมเครื่องหมาย , จัดระเบียบ, ค้นหา,
ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างหนังสือสังคมเครื่องหมายและ SEO คือ
อาจได้รับลิงก์ย้อนกลับเมื่อทำการบุ๊คมาร์คบนหน้าเว็บไซต์
บุ๊คมาร์คการ
เว็บไซต์บุ๊คมาร์คช่วยให้สามารถใช้แท็ก เพื่อแสดงรายการคำหลักในแท็กและช่วยให้มีการจัดอันดับจากคำหลักเหล่านี้
ตัวอย่างเว็บไซต์หนังสือสังคมเครื่องหมายที่ได้รับความนิยม:
digg
Del.icio.us
แบ่งปัน
squidoo
สะบัด
แต่งตัว
Blogmarks.net
Ma.gnolia
Simpy
Spurl
BlinkBits
เงา
น้ำตาลทรายดิบ
MyWeb yahoo
"บล็อกคือ"
>>การประกาศข่าวสารการแสดงความคิดเห็นการเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ
ในปัจจุบัน บริษัท ชั้นนำต่าง ๆ ของโลกได้ให้ความสนใจบล็อกซึ่งเป็นรูปแบบของการตลาดการแบบใหม่เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่านบล็อกสูงมากเนื่องจากทั้งสองฝ่าย
บล็อกเพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์ข่าวสารขององค์กรโดยการใช้บล็อกเพื่อประกาศข่าวสารนั้นจะดูมีความเป็นกันเองและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างเป็นมิตรเพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นฝากหรือสื่อสารกับเจ้าของบล็อกได้ทันทีทำให้ บริษัท เองจะได้ประโยชน์ จากคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีกด้วย บริษัท ชั้นนำต่างๆจึงเลือกที่จะใช้บล็อกมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดโดยบางแห่งใช้ทั้งบล็อกอย่างเป็นทางการของ บริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียนบล็อกของตนเองซึ่งวิธี การนี้นับเป็นการทำการตลาดโดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีกด้วย
จากความสำคัญดังกล่าวนี้เองจึงทำให้บล๊อก (Blog) (ค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกกระบวนการ) เหนือเว็บไซต์ของคู่แข่ง
ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่าง บล็อกและ SEO มีดังนี้
การสร้างบล๊อก (Blog) (ค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกกระบวนการ) การแลกเปลี่ยนบทสนทนาการพูดคุยและการอภิปรายในสังคมออนไลน์
(Search Engine) มีการเชื่อมโยงกลับมาที่เว็บไซต์
ขั้นตอนที่ 8 : การเขียนบทความ (บทความส่ง)
ในขั้นตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับการเขียนบทความเพื่อนำเสนอการบริการหรือสินค้าของเว็บไซต์ แล้วทำการส่งบทความไปที่เว็บไซต์บทความต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้งานที่แตกต่างกันเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึง และเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) สามารถรู้และสื่อสารกับบทความแล้วเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ได้
โดยประโยชน์ของการเขียนบทความมีดังนี้
· สามารถสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมายและมีคุณภาพสูง เพิ่มโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
· มีโอกาสขายสินค้าหรือบริการได้มากกว่าวิธีการโฆษณาอื่นๆ
· มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีบน search engines ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo, Bing ตาม keyword ที่ได้เลือกเอาไว้การสื่อสารจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนทั้งจาก search engines เองและ article directories
"เชื่อมโยงความนิยม"
>>เชื่อมโยงความนิยมเป็นค่าที่บอกจำนวนว่ามีกี่เว็บไซต์หรือกี่เว็บเพจของเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา
"ความสำคัญของ Link popularity ที่มีต่อ SEO"
การเชื่อมโยง (Link) มีความสำคัญต่อการเพิ่มการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) เพราะการเชื่อมโยงจะทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารกลับมายังเว็บไซต์ และหากสร้างการเชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับผลที่ดีอย่างมาก การสร้างการเชื่อมโยงสามารถสร้างขึ้นในรูปแบบของความเห็นในบล็อก ,ส่งบทความและข่าวประชาสัมพันธ์ ,Social book marking เป็นต้น
ถ้าหากเว็บไซต์มี Link popularity สูงจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีสถิติผู้เยี่ยม นั่นจะทำให้เว็บไซต์ถูกค้นหาเจอได้ ง่าย ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นที่ลิงก์มายังเว็บไซต์ และเพิ่มโอกาสที่เครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) จะเข้ามาสำรวจเว็บไซต์ของเราบ่อยขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของเรามีสถิติผู้เยี่ยมชมเพิ่มขึ้นได้ด้วย
ซึ่งในปัจจุบันเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับ Link popularity ว่าจะจัดอันดับเว็บไซต์คุณอยู่อันดับที่เท่าไร เมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ หากเว็บไซต์ของเรามี Link popularity สูง ก็มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่าหรือดีกว่าเว็บไซต์ที่มี Link popularity ที่ต่ำกว่า
ขั้นตอนที่ 10 : รายงานผลเครื่องมือค้นหาข้อมูล SERP รายงาน (หน้าผลการค้นหา)
"การรายงานผลเครื่องมือค้นหาข้อมูล"
>>ค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกกระบวนการ
โดยการจัดอันดับจะอาศัยคำหลัก (Keyword) ในการจัดอันดับ
(Search Engine) ได้แก่ Yahoo! Google Bing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น